กำแพงโคลอสเซียม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงโรมประเทศอิตาลี พบนักท่องเที่ยวมือบอนสลักชื่อ ตอนนี้ยังเร่งตามตัว เป็นสนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดใหญ่ยักษ์ใจกลางเมือง ที่นอกจากจะเคยเป็นสนามประลองอันทรงเกียรติที่โหดเหี้ยมแล้ว ยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้กำแพงโคลอสเซียมเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย

กำแพงโคลอสเซียม นักท่องเที่ยวมือบอนสลักชื่อ

กำแพงโคลอสเซียม

กำแพงโคลอสเซียม สิ่งมหัศจรรย์โลก

กำแพงโคลอสเซียม (Colosseum) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงโรมประเทศอิตาลี เป็นสนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดใหญ่ยักษ์ ใจกลางเมือง ที่นอกจากจะเคยเป็นสนามประลองอันทรงเกียรติที่โหดเหี้ยมแล้ว ยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้กำแพงโคลอสเซียมเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย

สนามกีฬาโบราณขนาดใหญ่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยนแห่งจักวรรดิโรมัน และได้สร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัสในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราวๆ ปี ค.ศ. 80 โดยมีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมที่ก่อด้วยอิฐและหินทรายที่มีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร สูงประมาณ 57 เมตร และสามารถบรรจุคนได้มากถึงประมาณ 50,000 คนเลยทีเดียว

สำหรับการออกแบบกำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้นั้น จัดได้ว่าได้รับการออกแบบที่ชาญฉลาดมาก โดยได้มีการออกแบบให้ผู้ชมได้รู้สึดใกล้ชิดกับนักกีฬาด้วยการออกแบบในส่วนของสนามกีฬาให้เป็นรูปครึ่งวงกลม นอกจากนั้นยังมีการออกแบบทางระบายน้ำที่ดีเพื่อป้องกันน้ำขังในสนามหากเกิดฝนตกอันเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันอีกด้วย

กำแพงโคลอสเซียมนี้นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมในปัจจุบันแล้ว ในอดีตก็จัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมันเลยทีเดียว โดยเริ่มแรกนั้นวัตถุประสงค์สำหรับการใช้งาน คือสร้างขึ้นสำหรับการประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ หรือการประลองของกษัตริย์ใหม่ที่ต้องการแสดงฝีมือและอำนาจ  รวมไปถึงการที่รักโทษที่รอวันประหารชีวิตหรือนักโทษที่ถูกคุมขังขอประลองเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยการประลองนั้นก็มีทั้งประลองกับกลาดิเอเตอร์ผู้แข็งแกร่ง จนไปถึงการประลองกับสัตว์ป่าที่ดุร้ายต่างๆ ซึ่งช่วงหนึ่งที่การประลองเป็นที่นิยมของผู้เข้าชมจนทำให้สัตว์บางชนิดจากหลายๆ ประเทศเกือบสูญพันธ์กันเลยที่เดียว

โดยการประลองนั้นผู้ชนะนอกจากจะได้รับอิสรภาพแล้วยังได้รับชื่อเสียงและทรัพย์สินมากมายตามมาอีกด้วย และผลจากการขอประลองเพื่อเรียกร้องอิสระภาพนั้นจึงได้ลามไปถึงการเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาประลองเพื่อยกระดับฐานะด้วย เป็นการประลองที่จะชี้ชะตาชีวิตว่าหากเอาชนะได้ก็เหมือนได้พลิกชีวิตให้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ถ้าแพ้นั่นอาจหมายถึงการไม่มีชีวิตรอดกันเลยทีเดียว เนื่องจากเคยเป็นสนามประลองมาก่อน กำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้จึงมีบริเวณใต้ดินที่มีห้องคุมขังนักโทษหลายร้อยห้อง และยังมีกรงสำหรับใช้ขังสัตว์ป่าดุร้ายที่ไว้ใช้สำหรับการประลองการต่อสู้หลายร้อยกรงที่บริเวณชั้นใต้ดินอีกด้วย

การบูรณะโคลอสเซียม

จากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวหลายครั้ง และภาวะสงคราม งานบูรณะซ่อมแซมจึงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 217 แต่ก็ถูกทอดทิ้งในเวลาต่อมา หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของอิตาลี ต่อมา โป๊ปเกรกอเรียส แมกนุส องค์ประมุขคริสตจักรคาทอลิก ในช่วงปี ค.ศ. 590-604 ได้ทำการบูรณะ และเปลี่ยน โลอสเซียม ให้เป็นโบสถ์ สนามประลองยุทธ์อันเลื่องชื่อ จึงกลายเป็นโบสถ์ตั้งแต่นั้นมา จนถึงยุคนโปเลียนขึ้นครองราชย์ ระหว่างปี 1809-1815 โคลอสเซียม ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุกว่า 1,900 ปี ล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 1992 ธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ให้งบประมาณบูรณะ โคลอสเซียม ครั้งใหญ่ แล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2003

  • ค่าใช้จ่าย
ค่าเข้าชม : ราคาค่าตั๋วเข้าชม คือ 12 ยูโร หากผู้ที่เข้าข่ายตามกฎเกณฑ์ส่วนลดราคาจะอยู่ที่ 7.50 ยูโร ราคาสำหรับไกด์พาทัวร์รอบละ 45 นาที ไม่เกิน 40 คน 5 ยูโร
  • เวลาทำการ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30 น. ไปจนถึงเวลา 19.00 น.
  • วิธีการเดินทาง
เดินทางโดย : รถไฟใต้ดินจากสถานี Termini line B มาที่สถานี Piramide ซึ่งอยู่ห่างจาก Colosseum ประมาณ 260 เมตร หรือจะเลือกเดินทางด้วยบัส โดยสถานีบัสที่ใกล้ที่สุดคือ Ostiense/Matteucci ซึ่งอยู่ห่างจาก Colosseum ประมาณ 220 เมตรเท่านั้น

 

แม้ว่าในอดีตนั้นกำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามประลองมือ เป็นสังเวียนเลือดที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน และเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม ไปจนถึงลานประหารชีวิตแต่ในปัจจุบันนั้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดยกำแพงโคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุกครั้งเมื่อมีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตจากที่ใดของโลกก็ตาม และในปี 2007 จากผลของการลงคะแนนทั่วโลกจากทั้งทางอินเตอร์เน็ตและมือถือนั้น ทำให้กำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย

เรื่องรอบโลกอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ที่มาของบทความ

 

ติดตามอ่านเรื่องรอบโลกได้ที่  nagasaki-romen.com

สนับสนุนโดย  ufabet369