กำแพงโคลอสเซียม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงโรมประเทศอิตาลี พบนักท่องเที่ยวมือบอนสลักชื่อ ตอนนี้ยังเร่งตามตัว เป็นสนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดใหญ่ยักษ์ใจกลางเมือง ที่นอกจากจะเคยเป็นสนามประลองอันทรงเกียรติที่โหดเหี้ยมแล้ว ยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้กำแพงโคลอสเซียมเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
กำแพงโคลอสเซียม นักท่องเที่ยวมือบอนสลักชื่อ
ทางการอิตาลีเร่งตามหาตัวนักท่องเที่ยวชายมือบอนสลักชื่อตนเองบนกำแพงโคลอสเซียม หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อายุเก่าแก่ เกือบ 2,000 ปี
รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอิตาลีประกาศว่าจะติดตามตัวและลงโทษนักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่สลักชื่อของเขาและแฟนสาวของเขาไว้บนกำแพงโคลอสเซียมในกรุงโรม ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่ส่งผลให้ผู้กระทำผิดต้องเสียค่าปรับจำนวนมากในอดีต
ข้อความ “Ivan+Haley 23” ปรากฏขึ้นที่กำแพงโคลอสเซียมในช่วงเวลาที่ชาวกรุงโรมแสดงความไม่พอใจต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเป็นประวัติการณ์ในฤดูกาลนี้ โดยนายไรอัน ลุตซ์ นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันจากรัฐแคลิฟอร์เนีย สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์และโพสต์วิดีโอลงบนยูทูบและเรดดิท (Reddit)
วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมทางโซเชียลมีเดียมากกว่า 1,500 ครั้ง ที่รวมถึงสื่ออิตาลี ลุตซ์บอกกับสำนักข่าวเอพีเมื่อวันอังคารว่า เขารู้สึก “ตะลึงงัน” ที่มีคนมาทำลายโบราณสถานที่สำคัญเช่นนี้
รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมเร่งตามหาและลงโทษผู้กระทำความผิด
เจนนาโร ซานจิอูลิอาโน รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม เรียกข้อความที่สลักไว้ในอัฒจันทร์ฟลาเวียนอายุเกือบ 2,000 ปี ว่า “ร้ายแรง ไม่สมเกียรติ และเป็นสัญญาณของความไร้มารยาทอย่างยิ่ง” เขาบอกว่าเขาหวังว่าจะพบผู้กระทำความผิด และลงโทษตามกฎหมายของอิตาลี
สำนักข่าวอันซา (ANSA) ของอิตาลีระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ ที่มีการรายงานการเขียนข้อความในลักษณะนี้ที่กำแพงโคลอสเซียม โดยผู้กระทำผิดครั้งล่าสุด อาจเสี่ยงถูกปรับเป็นเงิน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 510,000 บาท และจำคุกสูงสุด 5 ปี
แดเนียลา ซานตันเช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า เธอหวังว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าวจะถูกลงโทษเพื่อให้เขาเข้าใจถึงผลจากการกระทำดังกล่าว เธอยังเรียกร้องให้เคารพในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลี และให้คำมั่นว่า “เราไม่สามารถปล่อยให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนประเทศของเรารู้สึกอิสระที่จะประพฤติตนในลักษณะนี้”
ความเห็นของคนถ่ายคลิป นทท. เขียนกำแพงโคลอสเซียม
ลุตซ์ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางแบกเป้เที่ยวยุโรปเป็นเวลา 2 เดือน กล่าวว่าเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการทัวร์ชมกำแพงโคลอสเซียมพร้อมไกด์เมื่อวันศุกร์ เมื่อเขาเห็นชายคนดังกล่าว “แกะสลักชื่อตัวเองอย่างโจ๋งครึ่ม” บนกำแพงโคลอสเซียม ลุตซ์บอกกับเอพีว่าเขานำโทรศัพท์ของเขาออกมาถ่ายคลิปชายคนนั้นเพราะรู้สึกเขาตกใจมากในสิ่งที่ชายคนนั้นทำ
ลุตซ์เล่าว่า “และอย่างที่คุณเห็นในวิดีโอ ผมเดินเข้าไปหาเขาและถามเขาด้วยความตกตะลึงว่า ‘คุณจริงจังหรือเปล่า? คุณจริงจังจริงๆ เหรอ?’ และสิ่งที่เขาทำก็คือยิ้มให้ผม”
ลุตซ์ซึ่งเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคแคลิฟอร์เนียโพโมนา กล่าวว่าเขาพยายามขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดำเนินการ แต่เจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาไม่ได้ทำอะไรเลย แม้ว่าลุตซ์จะระบุตัวชายคนดังกล่าวได้และเสนอให้แชร์วิดีโอก็ตาม
เขากล่าวว่าเขาตัดสินใจโพสต์วิดีโอออนไลน์ในเช้าวันต่อมา หลังจากที่เขาสงบสติอารมณ์ลงแล้ว แม้เขาจะชื่นชอบภาพกราฟิตี้และศิลปะ แต่กล่าวว่า การสลักชื่อแบบนั้นดูเหมือนเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว เขากล่าวว่าผู้ที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศไม่ควรตอบแทนประเทศที่พวกเขามาเยือน “ด้วยการดูหมิ่นอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้”
สมาคมการท่องเที่ยวของอิตาลี กล่าวว่าปีนี้ เป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอิตาลีมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งนับว่าสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19
ในปี 2557 นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียคนหนึ่งถูกปรับ 20,000 ยูโร หรือราว 760,000 บาท และได้รับโทษจำคุก 4 ปี จากการสลักตัวอักษร ‘K’ บนผนังของกำแพงโคลอสเซียม ส่วนในปีต่อมา นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน 2 คนถูกกล่าวหาว่าทำความเสียหาย หลังจากที่พวกเขาสลักชื่อบนผนังกำแพงโคลอสเซียม
กำแพงโคลอสเซียม สิ่งมหัศจรรย์โลก
กำแพงโคลอสเซียม (Colosseum) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงโรมประเทศอิตาลี เป็นสนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดใหญ่ยักษ์ ใจกลางเมือง ที่นอกจากจะเคยเป็นสนามประลองอันทรงเกียรติที่โหดเหี้ยมแล้ว ยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้กำแพงโคลอสเซียมเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
สนามกีฬาโบราณขนาดใหญ่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยนแห่งจักวรรดิโรมัน และได้สร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัสในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราวๆ ปี ค.ศ. 80 โดยมีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมที่ก่อด้วยอิฐและหินทรายที่มีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร สูงประมาณ 57 เมตร และสามารถบรรจุคนได้มากถึงประมาณ 50,000 คนเลยทีเดียว
สำหรับการออกแบบกำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้นั้น จัดได้ว่าได้รับการออกแบบที่ชาญฉลาดมาก โดยได้มีการออกแบบให้ผู้ชมได้รู้สึดใกล้ชิดกับนักกีฬาด้วยการออกแบบในส่วนของสนามกีฬาให้เป็นรูปครึ่งวงกลม นอกจากนั้นยังมีการออกแบบทางระบายน้ำที่ดีเพื่อป้องกันน้ำขังในสนามหากเกิดฝนตกอันเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันอีกด้วย
กำแพงโคลอสเซียมนี้นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมในปัจจุบันแล้ว ในอดีตก็จัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมันเลยทีเดียว โดยเริ่มแรกนั้นวัตถุประสงค์สำหรับการใช้งาน คือสร้างขึ้นสำหรับการประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ หรือการประลองของกษัตริย์ใหม่ที่ต้องการแสดงฝีมือและอำนาจ รวมไปถึงการที่รักโทษที่รอวันประหารชีวิตหรือนักโทษที่ถูกคุมขังขอประลองเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยการประลองนั้นก็มีทั้งประลองกับกลาดิเอเตอร์ผู้แข็งแกร่ง จนไปถึงการประลองกับสัตว์ป่าที่ดุร้ายต่างๆ ซึ่งช่วงหนึ่งที่การประลองเป็นที่นิยมของผู้เข้าชมจนทำให้สัตว์บางชนิดจากหลายๆ ประเทศเกือบสูญพันธ์กันเลยที่เดียว
โดยการประลองนั้นผู้ชนะนอกจากจะได้รับอิสรภาพแล้วยังได้รับชื่อเสียงและทรัพย์สินมากมายตามมาอีกด้วย และผลจากการขอประลองเพื่อเรียกร้องอิสระภาพนั้นจึงได้ลามไปถึงการเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาประลองเพื่อยกระดับฐานะด้วย เป็นการประลองที่จะชี้ชะตาชีวิตว่าหากเอาชนะได้ก็เหมือนได้พลิกชีวิตให้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ถ้าแพ้นั่นอาจหมายถึงการไม่มีชีวิตรอดกันเลยทีเดียว เนื่องจากเคยเป็นสนามประลองมาก่อน กำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้จึงมีบริเวณใต้ดินที่มีห้องคุมขังนักโทษหลายร้อยห้อง และยังมีกรงสำหรับใช้ขังสัตว์ป่าดุร้ายที่ไว้ใช้สำหรับการประลองการต่อสู้หลายร้อยกรงที่บริเวณชั้นใต้ดินอีกด้วย
การบูรณะโคลอสเซียม
จากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวหลายครั้ง และภาวะสงคราม งานบูรณะซ่อมแซมจึงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 217 แต่ก็ถูกทอดทิ้งในเวลาต่อมา หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของอิตาลี ต่อมา โป๊ปเกรกอเรียส แมกนุส องค์ประมุขคริสตจักรคาทอลิก ในช่วงปี ค.ศ. 590-604 ได้ทำการบูรณะ และเปลี่ยน โลอสเซียม ให้เป็นโบสถ์ สนามประลองยุทธ์อันเลื่องชื่อ จึงกลายเป็นโบสถ์ตั้งแต่นั้นมา จนถึงยุคนโปเลียนขึ้นครองราชย์ ระหว่างปี 1809-1815 โคลอสเซียม ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุกว่า 1,900 ปี ล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 1992 ธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ให้งบประมาณบูรณะ โคลอสเซียม ครั้งใหญ่ แล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2003
- ค่าใช้จ่าย
- เวลาทำการ
- วิธีการเดินทาง
แม้ว่าในอดีตนั้นกำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามประลองมือ เป็นสังเวียนเลือดที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน และเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม ไปจนถึงลานประหารชีวิตแต่ในปัจจุบันนั้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดยกำแพงโคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุกครั้งเมื่อมีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตจากที่ใดของโลกก็ตาม และในปี 2007 จากผลของการลงคะแนนทั่วโลกจากทั้งทางอินเตอร์เน็ตและมือถือนั้น ทำให้กำแพงโคลอสเซียมแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย
เรื่องรอบโลกอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- คิงมิซูซูลู กษัตริย์แห่งราชวงศ์ซูลูในแอฟริกาใต้ สงสัยถูกวางยาพิษ
- ฝรั่งเศส เกิดเหตุคนร้ายโจมตีบ้านนายกเทศมนตรี ภรรยา-ลูกบาดเจ็บ
- เม็กซิโก เผชิญคลื่นความร้อนทะลุ 45 องศา เสียชีวิตกว่า 100 ศพ
- แอสปาร์แตม WHO เตรียมประกาศเป็นสารก่อมะเร็ง
ที่มาของบทความ
- https://www.thairath.co.th
- https://www.talontiew.com
- https://happylongway.com
- https://sites.google.com
ติดตามอ่านเรื่องรอบโลกได้ที่ nagasaki-romen.com
สนับสนุนโดย ufabet369